นักเทรดหุ้นมีวิธีการสร้างผลกำไรที่แตกต่างกัน โดยส่วนใหญ่จะแบ่งออกเป็น 2 วิธีหลักๆ: การเทรด (Trading) และการลงทุน (Investing) แต่ในปัจจุบันทั้ง 2 วิธีนั้นแทบจะไม่มีความแตกต่างกันแล้ว
แรกเริ่มเดิมทีการลงทุนและการเทรดเป็นวิธีการที่แตกต่างกันแต่มีเป้าหมายเดียวกัน แต่จะแตกต่างกันไปตามระยะเวลาและ Mindset ในการทำกำไร โดยระยะเวลาก็หมายถึงระยะในการถือออเดอร์เพื่อกำหนดเป้าหมายผลตอบแทนนั่นเอง
ส่วน Mindset จะเป็นตัวกำหนดลักษณะหรือพฤติกรรมการเทรดของท่าน ต้องลองพิจารณาดูว่าท่านตั้งเป้าที่จะทำกำไรอย่างรวดเร็วหรือต้องการถือออเดอร์ไว้นานขึ้นเพื่อผลตอบแทนในระยะยาว?
ในบทความนี้ เราจะเน้นความแตกต่างที่สำคัญและหลักเกณฑ์ที่ทำให้การลงทุนแตกต่างจากการเทรดหุ้น
ทุกสไตล์การซื้อขายมาพร้อมกับเงื่อนไขที่ต่างกัน เช่น การเทรดมักจะเป็นวิธีการทำเงินโดยการอาศัยพฤติกรรมและความเคลื่อนไหวเป็นหลัก ขณะที่การลงทุนจะเน้นการอดทนรอคอยและถือออเดอร์ให้นาน มาลองดูรายละเอียดเพิ่มเติมเพื่อให้เห็นภาพชัดขึ้นกันดีกว่า
เมื่อท่านเลือกที่จะลงทุนในหุ้น Mindset ของท่านจะต้องมุ่งไปในมุมมองระยะยาว พูดง่ายๆ ก็คือท่านจะต้องซื้อสินทรัพย์และรอให้สินทรัพย์นั้นให้ผลตอบแทนที่เพียงพอ โดยนักลงทุนมักจะมีวิธีการจัดการ ดังนี้:
นักลงทุนจะมี Mindset ในการมองระยะยาว รวมถึงกระบวนการทางธุรกิจที่มีการวางแผนอย่างดี ฉะนั้น ไม่ใช่มือใหม่ทุกคนที่พร้อมจะปฏิบัติตาม Minset ดังกล่าว นอกจากนี้ ด้วยตลาดการเงินและสินทรัพย์มากมายให้เทรดท่านสามารถทำกำไรด้วยวิธีที่เร็วกว่าและใช้ทักษะน้อยกว่าได้ แม้ว่าจะมีความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้นก็ตาม
การเทรดหุ้นมุ่งเน้นไปที่โอกาสระยะสั้นๆ ในการทำกำไรเป็นหลัก นักเทรดหุ้นไม่สนใจผลประกอบการของบริษัทหรือข้อมูลพื้นฐานมากนัก แต่จะอาศัยการวิเคราะห์ปัจจัยทางเทคนิคแทน ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนไหวของราคา แนวโน้ม และปัจจัยสำคัญอื่นๆ เป็นหลัก ซึ่งช่วยให้นักเทรดสามารถคาดการณ์ในระยะสั้นๆ และกำหนดจังหวะหรือตำแหน่งที่ดีที่สุดในการเข้าและออกออเดอร์
การเทรดหุ้นเป็นเทคนิคที่ให้นักเทรดสามารถซื้อและขายสินทรัพย์จำนวนมากภายในระยะเวลาอันสั้น โดยมีหลักการสำคัญ ดังนี้:
นักเทรดหุ้นมีความกระตือรือร้นและให้ความสำคัญกับระยะเวลาสั้นๆ โดยอาศัยการวิเคราะห์ตลาด แนวโน้ม และราคา แทนที่จะวิเคราะห์ตัวธุรกิจเป็นหลัก และยิ่งรีบปิดทำกำไรได้เร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น
แม้วิธีการทำกำไรทั้ง 2 แบบจะมีลักษณะที่คล้ายกันมาก แต่การลงทุนเป็นเรื่องเกี่ยวกับรายได้แบบ Passive income มากกว่า ขณะที่การเทรดเหมาะกับผู้ที่มีเวลาอยู่ในตลาดนานๆ
แต่หากท่านลงทุนในหุ้น ก็จะเน้นไปที่การซื้อและถือโดยอิงจากผลประกอบการของบริษัทเป็นหลัก ซึ่งเป็นข้อมูลที่จะทำมีผลต่อผลกำไรที่ท่านจะได้รับจากการถือหุ้นนั้นๆ แต่ปัญหาเดียวคือผลตอบแทนนั้นแทบจะไม่เกิน 10% ด้วยซ้ำ
จะเห็นได้ว่าการเทรดหุ้นเป็นทางเลือกที่ยืดหยุ่นกว่า เนื่องจากสามารถใช้ตัวบ่งชี้ที่หลากหลายเพื่อใช้กลยุทธ์ที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับกรอบเวลาหรือเป้าหมาย เป้าหมายหลักคือการคว้าโอกาสในการซื้อขายที่ดีที่สุดและหลีกเลี่ยงสินทรัพย์ที่มีราคาลดลง
นักเทรดและนักลงทุนมีเป้าหมายและเครื่องมือที่แตกต่างกัน ก่อนที่จะเลือกวิธีการที่ตรงกับความต้องการของท่าน ควรทดสอบกลยุทธ์ทั้งสองแบบผ่านระบบเดโม่ก่อน นอกจากนี้ ควรมีการวางแผนที่ชัดเจนโดยมีเป้าหมายการเทรดที่โปร่งใสและผลกำไรที่ต้องการ แล้วลองพิจารณากรอบเวลาและวิธีการเริ่มต้นการซื้อขายรายวันให้ดีเสียก่อน
หากท่านไม่อยากวุ่นวายกับการนั่งเฝ้าตลาดหุ้นในแต่ละวันและมองหาวิธีการสร้างรายได้แบบ Passive income การลงทุนก็เป็นทางเลือกที่เหมาะกับท่าน ในขณะเดียวกันหากท่านต้องการจับจังหวะและโอกาสในตลาดและใช้โอกาสเพียงเล็กน้อยในการทำกำไร การเทรดก็ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจกว่า
บทความนี้ไม่มีและไม่ควรถูกพิจารณาว่ามีคำแนะนำหรือคำปรึกษาด้านการลงทุน รวมถึงข้อเสนอหรือการชักชวนในการทำธุรกรรมใดๆ ในตราสารทางการเงิน ทั้งนี้ นักลงทุนควรขอคำแนะนำจากที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ เพื่อให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน