นักลงทุนมือใหม่บางท่านอาจสับสนและเข้าใจผิดคิดว่าตราสารหนี้คือหุ้น แต่จริงๆ แล้วตราสารหนี้นั้นแตกต่างจากหุ้นโดยสิ้นเชิง เพราะในขณะที่หุ้นสามารถออกได้โดยบริษัทเจ้าของหุ้นเท่านั้น แต่ตราสารหนี้ (Bond) สามารถออกได้โดยกระทรวงหรือหน่วยงานต่างๆ ของรัฐบาลเพื่อเป็นการระดมเงินทุนได้ด้วยเช่นกัน โดยนักลงทุนที่ถือตราสารการเงินชนิดนี้จะมีสถานะเป็นเจ้าหนี้ และผู้ออกตราสารหนี้ก็จะมีสถานะเป็นลูกหนี้ โดยในฐานะนักลงทุน ท่านจะได้รับผลตอบแทนจากการจ่ายอัตราดอกเบี้ยในระหว่างวันที่กำหนดเอาไว้ล่วงหน้า
ว่าแต่… ตราสารหนี้คืออะไร? ตราสารหนี้แตกต่างจากหุ้นตรงที่ว่านักลงทุนจะไม่ได้เป็นเจ้าของหรือครอบครองสินทรัพย์ดังกล่าวเนื่องจากสินทรัพย์นั้นถือเป็นของกระทรวงหรือหน่วยงานของรัฐนั่นเองครับ ซึ่งนั่นหมายความว่าไม่ว่าองค์กรจะมีผลประกอบการที่ดีขึ้นหรือแย่ลงก็จะไม่มีผลต่อตราสารหนี้ สิ่งที่สำคัญเพียงอย่างเดียวคือองค์กรนั้นๆ จะมีทรัพย์สินเพียงพอที่จะจ่ายคืนหรือเปล่าเมื่อวันที่กำหนดได้มาถึง
การลงทุนตราสารหนี้ทำให้ท่านได้กระจายการลงทุนในหลายๆ พอร์ท ซึ่งมีข้อดีอย่างแรก คือ ช่วยกระจายความเสี่ยงจากการลงทุนในหุ้นเพียงอย่างเดียว ซึ่งจัดเป็นสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูง และข้อดีต่อมาในการลงทุนตราสารหนี้ คือ การให้ผลตอบแทนที่ค่อนข้างมั่นคงนั่นเอง
แต่ก่อนที่เราจะไปพูดถึงประเภทของตราสารหนี้ มาทำความรู้จักองค์ประกอบสำคัญของตราสารหนี้กันก่อนดีกว่าครับ เพราะองค์ประกอบเหล่านี้จะทำให้นักลงทุนตัดสินใจได้ว่าควรลงทุนตราสารหนี้หรือไม่:
เอาล่ะ! ต่อไปได้เวลามาทำความรู้จักประเภทหลักๆ ของตราสารหนี้กันแล้ว
ตราสารหนี้แบ่งออกเป็น 4 ประเภทหลักๆ แตกต่างกันไปตามหน่วยงานที่เป็นผู้ออกตราสารและปัจจัยสำคัญอื่นๆ:
หลังจากที่ท่านได้รู้จักประเภทหลักของตราสารหนี้แล้ว ได้เวลามาทำความรู้จักตราสารหนี้ประเภทอื่นๆ ในมุมมองของนักลงทุนกันบ้าง
ตราสารหนี้แบบถือเก็บ (Holding bond) คือ สินทรัพย์ที่ท่านซื้อเพื่อถือเก็บไว้เป็นระยะเวลาหนึ่งเพื่อเก็บสะสมอัตราดอกเบี้ยในระหว่างนั้นและรอให้ถึงวันกำหนดไถ่ถอนเพื่อให้ผู้ออกตราสารหนี้จ่ายตามมูลค่าที่ตราไว้ พูดง่ายๆ ก็คือท่านเพียงแค่ซื้อตราสารหนี้นั้นแล้วถือเอาไว้จนกระทั่งถึงวันจ่ายคืนนั่นเอง
ตราสารหนี้ที่มีการซื้อขายแลกเปลี่ยนได้ (Trading bond) คือ ประเภทของตราสารหนี้ที่ท่านสามารถนำไปซื้อขายแลกเปลี่ยนได้ในตลาด โดยเมื่อรัฐบาลหรือหน่วยงานต่างๆ ออกตราสารหนี้ดังกล่าวออกมา ราคาเริ่มต้นอาจเปลี่ยนไปหรือผันผวนไปเช่นเดียวกับราคาหุ้น ดังนั้น นักลงทุนอาจรอจังหวะขายเพื่อทำกำไรจากมูลค่าตราสารหนี้ที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม เทรดเดอร์จะต้องเข้าใจว่าราคาที่ผันผวนนั้นไม่มีผลในการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยที่กำหนดโดยผู้ออกตราสารหนี้ และจะไม่มีผลต่อผลตอบแทนที่ท่านจะได้รับในภายหลังตามมูลค่าที่ตราไว้
ทุกท่านคงพอทรายแล้วว่าตราสารหนี้หรือพันธบัตรคืออะไร และจะซื้อขายสินทรัพย์นี้ได้อย่างไรบ้าง ถึงแม้ท่านอาจสับสนเล็กน้อยเมื่อเริ่มลงทุนตราสารหนี้ใหม่ๆ แต่รับรองได้เลยว่าเมื่อท่านได้เริ่มเรียนรู้หลักการพื้นฐานในการลงทุนตราสารหนี้ รวมถึงองค์ประกอบสำคัญของตราสารหนี้ ท่านก็จะเข้าใจเกี่ยวกับกับการลงทุนรูปแบบนี้มากยิ่งขึ้น และที่สำคัญ การค้นหาข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผู้ออกตราสารหนี้ก็จะช่วยให้ท่านเข้าใจตราสารหนี้แต่ละประเภทได้ ซึ่งถ้าหากท่านเข้าใจหลักการลงทุนตราสารหนี้ ประเภทตราสารหนี้ และวิธีจ่ายผลตอบแทนของตราสารหนี้แล้วล่ะก็ ท่านจะกลายเป็นนักลงทุนตราสารหนี้แบบมืออาชีพได้ไม่ยาก!
บทความนี้ไม่มีและไม่ควรถูกพิจารณาว่ามีคำแนะนำหรือคำปรึกษาด้านการลงทุน รวมถึงข้อเสนอหรือการชักชวนในการทำธุรกรรมใดๆ ในตราสารทางการเงิน ทั้งนี้ นักลงทุนควรขอคำแนะนำจากที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ เพื่อให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน