ออกจากระบบ
คุณจะแน่ใจหรือไม่ที่จะออกจากระบบ

สภาพคล่องในตลาด Forex คืออะไร? – ทำไมสภาพคล่องถึงสำคัญ?

สภาพคล่อง (Liquidity) เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่ชื่นชอบการเทรด Forex เพราะตลาด Forex มีปริมาณการซื้อขายหลายล้านล้านรายการให้นักเทรดได้คว้าจังหวะทำกำไร โดยสภาพคล่องเป็นสาเหตุที่ทำให้ตลาดนี้ได้รับความนิยมอย่างมากและมีแนวโน้มได้ผลตอบแทนสูง

None

ในขณะเดียวกันก็ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ส่งผลต่อการลงทุนในตลาด Forex เช่นกัน เนื่องจากสภาพคล่องเพียงอย่างเดียวคงไม่อาจรับประกันความสำเร็จในการเทรดได้เสมอไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการ Day trade (การเทรดรายวัน) และอาจแตกต่างกันไปตามสภาวะตลาดแต่ละแบบ

ในบทความวันนี้ เราจะพูดคุยประเด็นสำคัญเกี่ยวกับสภาพคล่องในตลาด Forex พร้อมอธิบายความเสี่ยงด้านสภาพคล่องและหาคำตอบว่าสภาพคล่องสำคัญกับการเทรด Forex ยังไง

สภาพคล่องในการเทรด Forex คืออะไร?

สภาพคล่อง หมายถึง ความต้องการในการซื้อหรือขายสกุลเงินแต่ละตัวนั่นเอง สมมติว่าท่านกำลังซื้อขายหนึ่งในคู่สกุลเงินหลัก หมายความว่าท่านกำลังเข้าสู่ตลาดด้วยสภาพคล่องที่สูงมาก อีกทั้งการเทรดแต่ละครั้งก็ยังขึ้นอยู่กับสภาพคล่องที่สถาบันการเงินจัดเตรียมให้ ซึ่งทำให้ท่านสามารถเปิดหรือปิดออเดอร์เทรดได้

สิ่งที่เทรดเดอร์ควรระลึกไว้เสมอก็คือไม่ใช่ว่าสกุลเงินทั้งหมดจะมีสภาพคล่องในระดับที่เท่ากัน แต่ละสกุลเงินต่างก็มีระดับสภาพคล่องที่แตกต่างกัน เป็นสาเหตุว่าทำไมการเทรด Forex จึงต้องอาศัยกลยุทธ์การเทรดหลายๆ แบบ โดยคู่สกุลเงินทั้งหมดแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ได้แก่:

  1. คู่เงินหลัก (Major currency) ได้แก่ EUR/USD, USD/JPY, GBP/USD เป็นต้น
  2. คู่เงินรอง (Minor currency) ได้แก่ EUR/GBP, EUR/JPY, GBP/CAD เป็นต้น
  3. คู่เงินแปลกใหม่ (Exotic currency) ได้แก่ USD/HUF, USD/SEK, USD/THB เป็นต้น
Industry-best trading conditions
Deposit bonus
up to 200% Deposit bonus 
up to 200%
Spreads
from 0 pips Spreads 
from 0 pips
Awarded Copy
Trading platform Awarded Copy
Trading platform
Join instantly

สังเกตง่ายๆ คู่เงินหลักจะมีสภาพคล่องที่มากกว่า ขณะที่คู่เงินแปลกใหม่จะมีสภาพคล่องที่ค่อนข้างน้อย

จะเป็นอย่างไร? หากการเทรดมีสภาพคล่องสูง

การที่คู่เงิน “มีสภาพคล่องสูง” หมายความว่าคู่เงินดังกล่าวมีปริมาณการซื้อขายหรือวอลุ่มที่สูงนั่นเอง

จะเกิดอะไรขึ้น? หากการเทรดมีสภาพคล่องต่ำ

แน่นอน สภาพคล่องที่ต่ำ หมายถึง คู่เงินที่มีการซื้อขายกันในปริมาณที่น้อย อาจมีความความผันผวนน้อยหรือไม่มีมีความผันผวนเลยก็ได้เช่นกัน ซึ่งจะทำให้นักเทรดเสียเปรียบ เนื่องจากไม่มีโอกาสที่จะทำกำไรโดยอาศัยการเปลี่ยนแปลงของราคาอย่างรวดเร็วนั่นเอง

เปรียบเทียบการเทรด Forex ด้วยสภาพคล่องสูง vs สภาพคล่องต่ำ: 3 ปัจจัยสำคัญที่นักเทรดต้องรู้

ในมุมมองของนักเทรดมืออาชีพ การที่คู่เงิน Forex ขาดสภาพคล่องส่งผลให้การคาดการณ์ทิศทางราคาเป็นไปได้ยาก มีโอกาสที่ราคาจะเปลี่ยนทิศทางแบบคาดเดาไม่ได้ ส่งผลให้เกิดความแปรปรวนของปริมาณการซื้อและขาย

ในขณะเดียวกัน ตลาดที่มีสภาพคล่องทำให้ราคาคู่เงินมีความเคลื่อนไหวอย่างชัดเจน โดยสภาพคล่องเป็นตัวบ่งบอกว่าตลาดกำลังมีความเคลื่อนไหวและมั่นคง ง่ายในการจัดการความเสี่ยง ในขณะเดียวกัน โอกาสที่จะเทรดผิดฝั่งหรือพลาดจังหวะสำคัญๆ ในตลาดที่มีสภาพคล่องต่ำนั้นมีสูง

มาดู 3 ปัจจัยสำคัญที่นักเทรด Forex ควรให้ความสนใจ ได้แก่:

  • ช่องว่างหรือ Gap ในการเทรด Forex ตลาด Forex มีช่องว่าง (Gap) ที่แตกต่างกับตลาดการเงินอื่นๆ โดย Gap ราคาส่วนใหญ่เกิดจากข่าวที่มีผลกระทบสูงหรือการประกาศการเปลี่ยนแปลงดอกเบี้ยของธนาคารกลางที่เข้าไปแทรกแซงในตลาดสกุลเงิน ข้อดีก็คือตลาด Forex มักจะมี Gap ไม่เกิน ½ ของมูลค่าสกุลเงินแรก ซึ่งทำให้การเทรด Forex แบบ Day trade แตกต่างจากการซื้อขายตราสารทุน ซึ่งมีแนวโน้มที่จะเกิด Gap ราคาสูงกว่า
  • อินดิเคเตอร์วัดสภาพคล่อง Forex โบรกเกอร์ออนไลน์ที่มีมาตรฐาน จะให้บริการตัวชี้วัดสภาพคล่องผ่านวอลุ่มในแพทเทิร์นกราฟ Forex ซึ่งนักลงทุนสามารถวัดสภาพคล่องของตลาดได้ด้วยเครื่องมือต่างๆ ทั้งนี้ นักเทรดจะต้องเข้าใจวิธีการอ่านและตีความกราฟในรูปแบต่างๆ โดยในฐานะนักเทรด Forex ท่านจะต้องคอยวิเคราะห์กราฟอยู่เรื่อยๆ แต่ด้วยการแสดงข้อมูลวอลุ่มในรูปแบบต่างๆ ทำให้การระบุปริมาณการซื้อขายสกุลเงินภายในกรอบเวลาต่างๆ สามารถทำได้ง่ายมากขึ้น
  • ชั่วโมงการซื้อขายตลาด Forex ทุกท่านคงทราบกันดีแล้วว่าตลาด Forex เปิดให้บริการช่วงเวลาไหนบ้าง แต่สำหรับใครที่ยังไม่ทราบ ท่านสามารถทำการซื้อขายรายได้เกือบทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง อย่างไรก็ตาม นักเทรดมือใหม่ควรทราบว่าปริมาณสภาพคล่องจะแตกต่างกันไปในแต่ละช่วงเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักเทรด Scalp ที่ควรรู้ว่าเมื่อใดที่ปริมาณการซื้อขายจะเพิ่มขึ้นหรือลดลงในระหว่างวัน ตัวอย่างเช่น รอบการเทรดตลาดเอเชียมักจะเป็นช่วงที่ราคามีการแกว่งตัวในกรอบ ในขณะที่ราคามักจะมีการเบรคทะลุกรอบ (Breakout) ในรอบการเทรดของอเมริกาหรือลอนดอน ซึ่งเป็นช่วงที่ราคามีการเคลื่อนไหวอย่างมากในระหว่างวัน

ปัจจัยทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้นจะช่วยให้นักเทรดสามารถจับตาการเปลี่ยนแปลงของระดับสภาพคล่องเพื่อหาจังหวะที่ดีที่สุดในการซื้อขายได้

ความเสี่ยง vs ผลตอบแทนจากสภาพคล่องในตลาด Forex

นักเทรดจะต้องเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างผลตอบแทนและความเสี่ยงในตลาด Forex เนื่องจากปัจจัยทั้งสองอย่างเป็นอัตราส่วนที่เกี่ยวข้องกัน พูดง่ายๆ ก็คือ ยิ่งท่านกล้ารับความเสี่ยงมากเท่าไร ผลตอบแทนที่ได้ก็มีโอกาสสูงขึ้นเท่านั้น โดยวิธีการที่ดีที่สุดในการจัดการความเสี่ยงด้านสภาพคล่องคือการลดอัตราเลเวอเรจที่ใช้ในการเทรด หรืออีกวิธีคือการตั้งค่าคำสั่งหยุดการขาดทุน (Stop loss) นั่นเอง

มีนักเทรดมือใหม่จำนวนมากที่มองข้ามอัตราส่วนระหว่างผลตอบแทนและความเสี่ยงจากสภาพคล่องซึ่งเป็นเรื่องที่ควรให้ความสำคัญ เนื่องจากเป็นองค์ประกอบสำคัญในการเทรด รวมถึงการวิเคราะห์ตลาด และคาดการณ์ความเคลื่อนไหวของราคาในอนาคต

บทความนี้ไม่มีและไม่ควรถูกพิจารณาว่ามีคำแนะนำหรือคำปรึกษาด้านการลงทุน รวมถึงข้อเสนอหรือการชักชวนในการทำธุรกรรมใดๆ ในตราสารทางการเงิน ทั้งนี้ นักลงทุนควรขอคำแนะนำจากที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ เพื่อให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน