แม้แบงก์ชาติยุโรป (ECB) ออกมาประกาศนโยบายการเงินเชิง Hawkish “อย่างไม่เต็มรูปแบบ” แต่ตลาดการเงินทั่วโลกกลับไม่ได้รับอานิสงค์จากเหตุการณ์ดังกล่าว เนื่องจากนักลงทุนยังวิตกเกี่ยวกับดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯ ในเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา อีกทั้งยังมีความคิดเห็นของธนาคารกลางทั่วโลกที่แสดงถึงความกลัวทางเศรษฐกิจและเงินเฟ้อเป็นปัจจัยลบที่กดดันอารมณ์ตลาด นอกจากนี้ความวิตกเรื่องโควิด-19 ของจีนและข้อมูลอัตราเงินเฟ้อยังเป็นประเด็นสำคัญที่ทำให้นักลงทุนปิดรับความเสี่ยงต่อ
อย่างไรก็ตาม ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐเองก็ไม่สามารถปรับตัวขึ้นได้แม้ตลาดจะกำลังอยู่ในช่วงหลีกเลี่ยงความเสี่ยง สาเหตุอาจมาจากความผิดหวังเกี่ยวกับข้อมูลเงินเฟ้อในปัจจุบันเนื่องจากตลาดมีความหวังในตัวเลขที่แน่ชัดมากขึ้น และยังมีปัจจัยลบจากผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (บอนด์ยีลด์) ที่ย่อตัวลง
ตลาดหุ้นสหรัฐก็มีการปรับลงมากที่สุดในรอบสัปดาห์และกดดันตลาดหุ้นเอเชีย ขณะที่รอบการเทรดของยุโรป/สหราชอาณาจักรก็ค่อนข้างซบเซา
ทองคำยังคงอยู่ในจุดตกต่ำเช่นเดียวกับน้ำมันเบรนท์ (Brent) ก็เช่นกัน ท่ามกลางความกังวลว่าเศรษฐกิจโลกจะถดถอย ขณะที่ NZDUSD เป็นคู่เงินที่โดดเด่นที่สุดในกลุ่ม G10 ท่ามกลางความคาดหวังว่าจะมีการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยโดยแบงก์ชาตินิวซีแลนด์ (RBNZ) เนื่องจากข้อมูลของนิวซีแลนด์ที่ปรับตัวลงทำให้ธนาคารกลางนิวซีแลนด์ดำเนินการได้อย่างอิสระ
สกุลเงินคริปโตฯ มีความเคลื่อนไหวที่ดีกว่าหุ้น แต่ก็ยังไม่ได้รับแรงหนุนอย่างเต็มที่แม้จะมีการยอมรับตลาดคริปโตอย่างแพร่หลายมากขึ้น
มาติดตามความเคลื่อนไหวล่าสุดของสินทรัพย์หลักหลายรายการ ดังนี้:
การคาดการณ์ทางเศรษฐกิจที่ออกมาในเชิงลบของ ECB หรือแม้แต่ความคิดเห็นจากผู้กำหนดนโยบายของธนาคารกลางแคนาดาและธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่น รวมถึงจากเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ เพิ่มความกังวลให้ตลาดที่จะเผชิญกับความเสี่ยง อีกทั้งยังมีความวิตกจากการลดมาตรการคลายล็อกบางส่วนในเซี่ยงไฮ้และปักกิ่งเนื่องจากยอดผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้น ขณะที่วิกฤตรัสเซีย-ยูเครนก็กำลังดำเนินต่อไป ทำให้ตลาดอยู่ในความวิตกก่อนการประกาศเงินเฟ้อของสหรัฐ
ดัชนีดอลลาร์สหรัฐ (DXY) กลับตัวจากระดับสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์ และปิดลบรายวันเป็นครั้งแรกใน 3 วันซึ่งทำให้สกุลเงินที่มีความเสี่ยงปรับตัวเล็กน้อยจากจุดต่ำสุดเดิมในรอบสัปดาห์ อย่างไรก็ตาม ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น ทองคำและน้ำมันดิบยังไม่ฟื้นตัวขึ้นเท่าไหร่ เนื่องจากยังมีความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ
หุ้นหลายตัวก็ยังคงขาดทุนเนื่องจากการหลีกเลี่ยงความเสี่ยง ขณะเดียวกัน BTCUSD และ ETHUSD ก็ยังคงซบเซาเป็นวันที่สองติดต่อกันซึ่งแสดงถึงความสัมพันธ์ที่ลดลงระหว่างหุ้นและสกุลเงินดิจิทัลที่ก่อนหน้านี้พุ่งเข้าสู่ตลาด E-currencies นอกจากนี้ ยังได้รับรายงานการสนับสนุนคริปโตจาก Blockware Intelligence ที่แนะนำให้มีการใช้สกุลเงินเหล่านั้นถึง 10% ภายในปี 2030 ซึ่งมากกว่ารถยนต์และพลังงานไฟฟ้า
ทำเนียบขาวได้ผลักดันให้เฟดใช้นโยบายเชิง Hawkish ในช่วงสัปดาห์หน้า โดยหวังว่าจะมีตัวเลขเงินเฟ้อที่สูงขึ้นเนื่องจากราคาพลังงานที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ฉันทามติของตลาดในเดือน พ.ค. ชี้ให้เห็นในมุมมองที่แตกต่างออกไป โดยนอกจากข้อมูล CPI ที่น่าเร้าใจของสหรัฐ ยังมีการคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อที่ทำสถิติสูงสุดในรอบสามเดือน ดังนั้น ตัวเลขแรงกดดันด้านราคาในสหรัฐในปัจจุบันจึงมีความสำคัญ เนื่องจากความเคลื่อนไหวในเดือน ก.ย. ของเฟดชี้ให้เห็นถึงข้อแตกต่างระหว่างความหวังของตลาดที่ 0.50% และสัญญาณจากเฟดที่ 0.25%
หากข้อมูลเงินเฟ้อออกมาน่ากังวล คาดว่าตลาดจะหลีกเลี่ยงความเสี่ยงมากขึ้นและอาจหนุนให้เงินดอลลาร์สหรัฐฟื้นตัว ซึ่งแน่นอนว่าจะส่งผลให้ราคาทองคำ น้ำมันดิบ และสกุลเงินที่มีความเสี่ยงร่วงหนัก
ทำกำไรจากความเคลื่อนไหวในตลาดด้วยระบบ Copy Trade ของ MTrading พร้อมเงื่อนไขชั้นนำ:
คัดลอกการเทรดของนักเทรดมือโปรโดยอัตโนมัติแบบเรียลไทม์ ด้วยค่าสเปรด 0 ผ่านบัญชี M.Pro!
ขอให้ท่านโชคดีในการเทรด!