ความเชื่อมั่นยังมีทิศทางเป็นบวกแม้จะมีท่าทีระมัดระวังของนักลงทุนในตลาด เนื่องจากเหล่านักลงทุนกำลังรอการรายงานข้อมูล/เหตุการณ์เศรษฐกิจของสัปดาห์นี้ในต้นวันพฤหัสบดี อีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยหนุนความเชื่อมั่นคือ การที่ตลาดหุ้นจีนไม่มีประเด็นเชิงลบที่รุนแรงรวมไปถึงตลาดหุ้นสหรัฐฯที่ปิดตลาดในทิศทางบวกและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ลดลง
ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯยังปรับตัวลดลงต่อเนื่องจากวันก่อนหน้าแม้ว่าจะขาดโมเมนตัมขาลงก็ตาม ด้วยเหตุนี้จึงเป็นผลให้ราคาทองคำฟื้นตัวจากแนวรับที่เพิ่มสูงขึ้นอายุสองเดือน และยังช่วยให้ราคาน้ำมันดิบสามารถพลิกกลับการร่วงลงของวันก่อนหน้าได้
นอกจากนี้ คู่เงิน EURUSD และคู่เงิน GBPUSD ยังได้ขยายการฟื้นตัวของวันก่อนหน้า เนื่องจากการเคลื่อนไหวล่าสุดจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ที่ส่วนใหญ่มีท่าทีไปในทางนโยบายการเงินที่แข็งกร้าว ในขณะเดียวกัน คู่เงิน AUDUSD และคู่เงิน NZDUSD ขยับตัวสูงขึ้น ขณะที่แรงเทขายคู่เงิน USDJPY ได้รับแรงหนุนจากความกังวลเกี่ยวกับการออกจากนโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ)
ในอีกทางหนึ่ง BTCUSD นั้นกลับไม่ได้รับแรงหนุนจากการอนุมัติ Bitcoin Spot ETF จากสำนักงาน ก.ล.ต. สหรัฐฯ ในขณะที่ ETHUSD ถอยจากระดับสูงสุดในรอบแปดเดือนหลังจากพุ่งสูงขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายนในวันก่อนหน้า
มาติดตามความเคลื่อนไหวล่าสุดของสินทรัพย์เหล่านี้:
ดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ (DXY) ชะลอตัวเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน แม้จะขาดโมเมนตัมขาลงที่ราวๆ 102.30 ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯยังคงได้รับแรงกดดันเช่นกัน โดยเป็นที่น่าสังเกตว่า ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทที่ปิดในแดนบวกนั้นส่งผลให้ฟิวเจอร์สหุ้นสหรัฐฯ และตลาดหุ้นในฝั่งเอเชียแปซิฟิกปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย
ทั้งนี้ Janet Yellen รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯได้ส่งสัญญาณถึงอัตราเงินเฟ้อที่อ่อนตัวลงในแถลงการณ์ของเธอจากบอสตันเมื่อวันพุธ ซึ่งเป็นผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่าลง นอกจากนี้ ผู้กำหนดนโยบายยังกล่าวอีกว่า “ยังมีงานสำคัญที่ต้องทำ” ขณะเดียวกันก็ให้คำมั่นว่าจะใช้เครื่องมือทั้งหมดเพื่อลดต้นทุนลง ซึ่งอาจส่งผลให้นักลงทุนในตลาดมีท่าทีระมัดระวังก่อนการรายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯประจำเดือนธันวาคมในวันนี้ โดยจะช่วยพยุงค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯไว้อีกทางหนึ่ง อีกทั้ง ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯแห่งนิวยอร์ก John C. Williams ได้ชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ Fed ออกไป แต่ยังคงรักษาน้ำเสียงที่เป็นกลางในขณะที่กล่าวว่า "Fed อยู่ใน 'จุดที่ดี' และมีเวลาที่จะตัดสินใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปสำหรับอัตราดอกเบี้ย"
ทางฝากฝั่งหนึ่ง ในการแสดงออกถึงความพยายามของจีนในการแก้ไขปัญหาภายในประเทศ สำนักบริหารตรวจคนเข้าเมืองแห่งชาติปักกิ่ง (NIA) กำลังดำเนินการปรับปรุงขั้นตอนการดำเนินงานเพื่อดึงดูดนักธุรกิจต่างชาติ การลงทุน และการท่องเที่ยว โดยในทางกลับกัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ Antony Blinken ได้ส่งคำเตือนไปยังกลุ่มกบฏฮูติในเยเมนว่า “จะมีการดำเนินการต่อหากยังคงโจมตีเรือสินค้าในทะเลแดงต่อไป”
ในอีกทางหนึ่ง ผู้กำหนดนโยบายของธนาคารกลางยุโรป (ECB) และหัวหน้าธนาคารกลางสเปน Pablo Hernandez de Cos ได้อ้างถึงการเติบโตของอัตราเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลงรวมไปถึงอัตราดอกเบี้ยที่ปรับลดลงในแถลงการณ์ของเขาเมื่อวันก่อน โดย Isabelle Schnabel สมาชิกสภาการปกครองของ ECB ได้กล่าวเสริมว่า “มีหลักฐานที่บ่งชี้ว่าตัวชี้วัดความเชื่อมั่นกำลังเริ่มฟื้นตัว” นอกจากนี้ Andrew Bailey ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ยังได้ออกมากล่าวว่า "สิ่งสำคัญคือต้องทำให้อัตราเงินเฟ้อของสหราชอาณาจักรกลับสู่เป้าหมายที่วางไว้" โดย Bailey ยังปกป้องนโยบายการเงินที่เข้มงวด และพยายามลดความหวังที่จะได้เห็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ BoE
นอกจากนี้ ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) ยังคงรักษาการประเมินทางเศรษฐกิจของหกภูมิภาคจากเก้าภูมิภาคในรายงาน Sakura รายไตรมาส โดยที่รายงานของ BoJ ยังได้ยกระดับการประเมินของสองภูมิภาคในขณะที่ตัดเหลือเพียงภูมิภาคเดียว อีกทั้ง Mathias Cormann เลขาธิการองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ยังกล่าวสนับสนุนให้มีอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นในญี่ปุ่นโดยกล่าวว่า “นโยบายการเงินของญี่ปุ่นนั้นสามารถเริ่มเข้มงวดขึ้นได้อย่างค่อยเป็นค่อยไป” นอกจากนั้น อดีตเจ้าหน้าที่ของ BoJ อย่าง Makoto Sakurai ก็ออกมากล่าวอีกว่า BoJ พร้อมแล้วที่จะยกเลิกนโยบายดอกเบี้ยติดลบในเดือนเมษายน 2024 ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางของ OECD
อีกทางด้านหนึ่งตัวเลขการค้าของออสเตรเลียในเดือนธันวาคมมีการรายงานออกมาในช่วงเช้าของวันเช่นกัน ซึ่งช่วยให้ดอลลาร์ออสเตรเลีย (AUD) ขยับตัวสูงขึ้น เนื่องจากดุลการค้าที่เพิ่มขึ้นเป็น 11,473M จาก 7,129M เมื่อเทียบกับที่คาดการณ์ไว้ที่ 7,500M และเป็นที่น่าสังเกตว่าการนำเข้าลดลง -7.9% จาก -1.9% ในขณะที่การส่งออกดีขึ้นเป็น 1.7% จากการรายงานก่อนหน้านี้ที่ 0.4%
นอกจากนี้ การเพิ่มขึ้นของสต็อกน้ำมันของสหรัฐฯอย่างน่าประหลาดใจตามข้อมูลรายสัปดาห์ของสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงาน (EIA) ยังส่งผลต่อราคาพลังงานอีกด้วย อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงของหุ้นน้ำมันดิบ EIA เพิ่มขึ้น 1.338M สำหรับสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 5 มกราคม เมื่อเทียบกับที่คาดการณ์ไว้ -0.675M และ -5.503M ของการรายงานก่อนหน้า
แม้ว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯในเดือนธันวาคมจะเป็นข้อมูลเศรษฐกิจที่จะมีการรายงานของสัปดาห์นี้ และอาจจะเป็นผลให้ตลาดมีความผันผวนในช่วงการซื้อขายทางฝั่งอเมริกาเหนือ แต่รายงานเศรษฐกิจรายเดือนของธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะยังถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดสำหรับการเคลื่อนไหวระยะกลางของตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่ามกลางความกลัวทางเศรษฐกิจที่ล้อมรอบยูโรโซน นอกจากนี้ แถลงการณ์จากผู้ว่าการธนาคารกลางจากสหรัฐอเมริกาและยุโรปก็พร้อมที่จะกระตุ้นนักลงทุนในตลาด โดยความสนใจของนักลงทุนจะมุ่งไปที่ความเป็นไปได้ที่อัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นซึ่งจะช่วยรักษาระดับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ รวมถึงสัญญาณการดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดของ Fed ท่ามกลางสภาพการจ้างงานที่ปรับตัวดีขึ้นของสหรัฐฯ ซึ่งจะส่งผลต่อสินทรัพย์และสกุลเงินที่มีความเสี่ยงด้วยเช่นกัน
ขอให้คุณโชคดีในการเทรด !