กฎระเบียบข้อบังคับของตลาด Forex มีเป้าหมายในการสร้างความโปร่งใสให้กับผู้ร่วมตลาดทุกคนที่มีส่วนร่วมในข้อตกลงการซื้อขายในแต่ละวัน โดยมีการจัดตั้งหน่วยงานกำกับดูแลต่างๆขึ้นเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของทั้งสถาบันการเงิน (เช่น ธนาคาร) และการแลกเปลี่ยนเงินทุนทั่วโลก
ในขั้นต้น กฎระเบียบทางการเงินและการเปลี่ยนแปลงกฎ Forex ได้กำหนดกระบวนการจัดการข้อตกลงระหว่างบุคคลและกลุ่มบุคคล โดยที่กฎหมายนี้จัดให้มีทั้งในรูปแบบของการบังคับใช้หรือการตัดสินใจร่วมกัน เป้าหมายหลักคือการป้องกันผู้ร่วมตลาดจากการฉ้อโกงและการปัดภาระความรับผิดชอบความผิดพลาดระหว่างทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
ในบทความนี้ เราจะพูดถึงความสำคัญของกฎหมายระหว่างประเทศและการดำเนินการของตลาด Forex นอกจากนี้เรายังจะพามองย้อนกลับไปที่ประวัติของกฎระเบียบการเทรดและวิธีการพัฒนาในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
สถานการณ์ในอดีต ตลาด Forex ยังไม่มีการควบคุมที่เหมาะสมเหมือนอย่างในปัจจุบันนี้ ส่งผลให้เกิดความผิดพลาดหรือพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมจากขาดการตระหนักรู้ ด้วยเหตุนี้ หน่วยงานกำกับดูแลจึงตัดสินใจควบคุมกลุ่มการเงินหลักที่เกี่ยวข้อง (ธนาคารและโบรกเกอร์ Forex) ให้เข้มงวดยิ่งขึ้น
ในปัจจุบัน หน่วยงานกำกับดูแลหลายแห่งได้ให้แนวทางในการดำเนินการโดยขึ้นอยู่กับแต่ละประเทศและกฎเฉพาะที่นำไปใช้กับการดำเนินงานทางการเงินในแต่ละภูมิภาค แม้จะมีข้อแตกต่างบางประการในหลักเกณฑ์เหล่านั้น แต่หลักเกณฑ์เหล่านี้ล้วนมีคุณลักษณะที่เหมือนกันประการหนึ่ง คือ โบรกเกอร์ทุกโบรกเกอร์จะต้องได้รับใบอนุญาตอย่างเป็นทางการ นอกจากนี้จะต้องจดทะเบียนในประเทศที่ประกอบการเพื่อดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
แนวคิดหลักคือการสร้างความไว้วางใจระหว่างเทรดเดอร์และโบรกเกอร์ ยิ่งไปกว่านั้น กฎระเบียบยังปกป้องลูกค้าจากผู้ให้บริการปลอมและการหลอกลวงในการซื้อขายอีกด้วย
การซื้อขายสกุลเงินนั้นค่อนข้างมีความเสี่ยง เมื่อถึงจุดหนึ่ง ตลาดอาจเกิดความผันผวนอย่างมาก ซึ่งในแง่หนึ่ง อาจเป็นโอกาสที่ดีในการทำกำไรได้ดี แต่ในทางกลับกัน ความเสี่ยงของการขาดทุนก็มีมากเช่นเดียวกัน
ดังนั้น ในการประเมินสินทรัพย์ที่จะลงทุน เราควรคำนึงถึงเสถียรภาพของสกุลเงินและสถานะทางการเงินของประเทศที่ออกสินทรัพย์ด้วย นี่คือจุดที่กฎข้อบังคับของตลาดอาจช่วยได้ ตัวอย่างเช่น หากคุณซื้อขายสินทรัพย์ที่นอกเหนือไปจากคู่สกุลเงินหลัก คุณควรทราบว่าอัตราแลกเปลี่ยนอาจถูกกำหนดไว้ตามดอลลาร์สหรัฐฯซึ่งเป็นหนึ่งในสกุลเงิน fiat (fiat currency) ที่แข็งแกร่งที่สุด
ในสถานการณ์เหล่านี้ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องพิจารณานโยบายของธนาคารกลางในประเทศที่ดำเนินการเทรดเพื่อรักษาเงินสำรองให้เพียงพอเพื่อรับรองอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ ซึ่งหากเกิดวิกฤตสกุลเงิน อาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อตลาด Forex และราคาสินทรัพย์
แม้ว่าการลงทุนจะอยู่บนความเสี่ยง ถึงกระนั้น เทรดเดอร์ทุกคนต่างก็คาดหวังว่าสินทรัพย์ของตนจะมีสภาพคล่องที่เพียงพอ อย่างไรก็ตาม ความผันผวนของตลาดและการเคลื่อนไหวของราคาที่ไม่คาดคิดก็ยังสามารถเปลี่ยนสภาพคล่องของตลาดให้กลายเป็นความเสี่ยงที่มีนัยสำคัญได้ ในสถานการณ์นี้ กฎระเบียบอาจช่วยควบคุมสถานการณ์ได้
ตลาด Forex ได้พัฒนาไปสู่สภาพแวดล้อมแบบกระจายอำนาจระดับโลกที่ใครๆ ก็สามารถซื้อและขายสกุลเงินต่างๆได้ ในทุกปีเราจะเห็นเกณฑ์การเข้าร่วมตลาดที่ลดน้อยลง ทุกคนมีโอกาสที่จะเริ่มซื้อขายสกุลเงินได้ในทันที
ด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ เทรดเดอร์จะได้รับประโยชน์จากบิตและโซลูชั่นที่ใช้ AI ซึ่งจะช่วยให้พวกเขาจัดการกับกลยุทธ์ทางการเงินได้ในระบบอัตโนมัติ อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับสองสามทศวรรษที่ผ่านมา สิ่งต่างๆก็มีความแตกต่างออกไปเล็กน้อย
ผู้คนเริ่มซื้อขายสกุลเงินอย่างเสรีเมื่อ 500 ปีที่แล้ว ระบบมาตรฐานทองคำ (gold standard) เริ่มใช้ในปี 1875 ซึ่งดูเหมือนจะเป็นหนึ่งในขั้นตอนแรกที่ระบุกฎเกณฑ์ในการซื้อขายอย่างเป็นทางการเพื่อควบคุมการซื้อขายสกุลเงิน นี่คือช่วงเวลาที่ทองคำถูกนำเสนอในระบบเงินที่มีการกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ และนับจากนั้น ราคาของสกุลเงินที่ใช้ในระบบการเงินจึงถูกผูกเข้ากับราคาทองคำ อย่างไรก็ตาม ตลาด Forex ส่วนใหญ่ถูกจำกัดอยู่เฉพาะสถาบันการเงินขนาดใหญ่เท่านั้น
นับตั้งแต่ทศวรรษ 1990 เทคโนโลยีใหม่ๆได้กระตุ้นการไหลเวียนของเงินทุนระหว่างประเทศต่างๆทั่วโลก เทรดเดอร์แต่ละรายเข้าถึงโอกาสและเครื่องมือในการเก็งกำไรจากสกุลเงิน แต่หลังจากนั้นวิกฤต Black Wednesday ก็กลับมาอีกครั้งในปี 1992 ผู้ร่วมตลาดบางรายสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างในเหตุการณ์นี้ รวมไปถึงผู้เล่นรายใหญ่อย่างธนาคารกลางอังกฤษ วิกฤตครั้งนั้นนำไปสู่การลดบทบาทเงินปอนด์ออกจากระบบการเงินโลก
อย่างไรก็ตาม ตลาด FX ยังคงมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ในปี 1995 ผู้คนสามารถซื้อและขายสกุลเงินได้แบบเรียลไทม์ ต่อมาในปี 2022 ถือเป็นปีแห่งการซื้อขาย FX ครั้งใหญ่ มูลค่าการซื้อขายรายวันเกิน 5.1 ล้านล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ ความก้าวหน้าทางเทคนิคเป็นผลให้เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องทำการปรับปรุงกรอบกฎหมายข้อบังคับ
โดยทั่วไปแล้ว ข้อตกลงระหว่างประเทศทั้งหมดจะมีความก้าวหน้าในแบบเดียวกัน สำหรับข้อยกเว้นที่แตกต่างกันจะขึ้นอยู่กับประเภทของข้อตกลงเฉพาะ ดูขั้นตอนการพัฒนาที่สำคัญด้านล่าง:
ตลาด Forex ได้มีการพัฒนาขึ้น ผู้ร่วมตลาดส่วนใหญ่สามารถออนไลน์เพื่อทำธุรกรรมผ่านเว็บและแอปพลิเคชันบนมือถือ สถานการณ์นี้ได้บังคับให้หน่วยงานกำกับดูแลจำเป็นต้องสร้างข้อกำหนดใหม่สำหรับเทรดเดอร์ Forex ในขณะเดียวกัน การซื้อขายแบบเก็งกำไร (speculative trading) ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบันนี้ เราเห็นคนกลางที่ต้องการมีส่วนร่วมในกระบวนการซื้อขายเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ บางรายอาจมีความเกี่ยวข้องกับโบรกเกอร์ที่หลอกลวง โดยจะมีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมที่สูงมาก รวมไปถึงค่าใช้จ่ายแอบแฝง และความเสี่ยงที่สูงเกินไปผ่านระดับเลเวอเรจที่สูง
กล่าวง่ายๆ ก็คือ ในสถานการณ์นี้และตลาดที่เปลี่ยนแปลงไปทำให้หน่วยงานกำกับดูแลจำเป็นต้องมีการปรับใช้และมองหาวิธีการที่เหมาะสมทางเทคโนโลยีในการรักษาระดับเสถียรภาพที่เหมาะสมระหว่างการซื้อขาย Forex และกฎหมายทั่วโลก ซึ่งจะทำให้ความร่วมมือระหว่างองค์กรระหว่างประเทศมีบทบาทสำคัญ
ก่อนหน้านี้ การได้รับการอนุมัติตามกฎระเบียบไม่ใช่ความท้าทายที่ยากลำบากมากนัก อย่างไรก็ตาม กระบวนการปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงในกฎระเบียบ Forex ทำให้สถานการณ์เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก ปัจจุบัน โบรกเกอร์ต้องเผชิญกับกฎระเบียบและเขตอำนาจศาลที่เข้มงวดมากขึ้น โดยขึ้นอยู่กับแต่ละประเทศที่พวกเขาพยายามขอใบอนุญาต
เพื่อให้สิ่งต่างๆง่ายขึ้นเล็กน้อย ผู้ให้บริการการเทรดจะพยายามขออนุมัติในประเทศใดประเทศหนึ่งก่อน ในกรณีที่การขออนุมัติประสบความสำเร็จ พวกเขาจะทำการขอรับรองด้านกฎระเบียบเพิ่มเติมในประเทศอื่นๆต่อไป บางครั้งพวกเขาได้รับอนุญาตนอกขอบเขตประเทศใดประเทศหนึ่ง นั่นไม่ใช่การหลอกลวง แต่เป็นการที่พวกเขาต้องปฏิบัติตามกฎใหม่เพิ่มเติมที่ใช้กับโบรกเกอร์และหน่วยงานกำกับดูแลระหว่างประเทศแทน
รายชื่อหน่วยงานกำกับดูแลสำคัญและเป็นที่ยอมรับ ได้แก่ NFA (สหรัฐอเมริกา), CySec (ไซปรัส), FCA (สหราชอาณาจักร) และหน่วยงานกำกับดูแลอื่นๆที่จัดตั้งขึ้นในฝั่งเอเชีย
เราได้เห็นถึงข้อจำกัดด้านกฎระเบียบที่สำคัญหลายประการที่เกิดขึ้นในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ตัวอย่างเช่น มีการนำระบบการลงโทษแบบใหม่มาบังคับใช้ นอกจากนี้ ยังมีการใช้มาตรการที่เข้มงวดมากขึ้นเพื่อรับรองความสมบูรณ์ของธุรกรรมระหว่างทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับข้อตกลง
ปัจจุบัน วิวัฒนาการของกฎเกณฑ์ในตลาด Forex ส่งผลให้มีการรับประกันความปลอดภัยที่ดีขึ้นสำหรับเทรดเดอร์และเงินทุนของพวกเขา ตอนนี้โบรกเกอร์จำเป็นต้องปฏิบัติตามขั้นตอนการควบคุมที่เข้มงวดมากขึ้นซึ่งถูกนำมาใช้เพื่อหลีกเลี่ยงการฟอกเงินและรับรองการดำเนินการตามคำสั่งที่รวดเร็วและแม่นยำ
การเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบ Forex แทบจะไม่เป็นปัญหาใหญ่สำหรับเทรดเดอร์รายบุคคล จริงๆแล้วเทรดเดอร์คือ ผู้ที่ได้รับผลประโยชน์จากกฎระเบียบใหม่ โดยลูกค้าจะได้รับประโยชน์จากการซื้อขายที่ปลอดภัยยิ่งขึ้นพร้อมกับการหลีกเลี่ยงการฉ้อโกงและการหลอกลวงจากโบรกเกอร์ ในส่วนของผู้ให้บริการอาจต้องเผชิญกับความท้าทายบางประการได้เนื่องจากมีเลเวอเรจที่จำกัดเป็นต้น แต่ในท้ายที่สุด พวกเขาก็จะต้องยอมรับและปฏิบัติตามกฎระเบียบใหม่อยู่ดี
ตามที่ระบุไว้ก่อนหน้านี้เทรดเดอร์ไม่สามารถทำอะไรกับกฎระเบียบที่เพิ่มมาใหม่ๆได้ แนวคิดหลักของการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นคือการทำให้กระบวนการซื้อขายมีความโปร่งใสและปลอดภัยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
แน่นอนว่าผู้เล่นรายใหญ่จะต้องรับมือกับตัวเลือกเลเวอเรจที่จำกัด อย่างเช่น ในสหรัฐอเมริกา เลเวอเรจที่ใช้ได้นั้นจำกัดอยู่ที่ 50:1 สำหรับสกุลเงินหลัก และสำหรับสกุลเงินอื่นๆเลเวอเรจที่ใช้ได้คือ 20:1 ซึ่งหมายความว่าเทรดเดอร์จะไม่สามารถเปิดตำแหน่งในปริมาณที่มากกว่านั้นได้ นั่นอาจเป็นความท้าทายสำหรับผู้ร่วมตลาดบางรายที่เคยซื้อขายในปริมาณขนาดใหญ่มาก่อน
โบรกเกอร์อาจพบว่าการปฏิบัติตามกฎระเบียบที่ปรับปรุงใหม่นั้นทำได้ยากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกฎบางข้อที่มีความเข้มงวดเป็นอย่างมาก และจะเป็นผลให้บริษัทต่างๆจะได้รับใบอนุญาตและการอนุมัติในการให้บริการในภูมิภาคที่เฉพาะเจาะจงได้ยากขึ้น
ในแง่หนึ่งอาจเป็นการเพิ่มจำนวนเว็บไซต์หลอกลวง แต่ในทางกลับกัน การเลือกโบรกเกอร์ที่ได้รับอนุญาตจะหมายถึงความปลอดภัยของกองทุน 100% และความโปร่งใสในการซื้อขาย
ตลาด FX คิดเป็นสัดส่วนเพียง 5% ของมูลค่าการซื้อขายสกุลเงินรายวันทั่วโลก ดังนั้นเราจึงไม่ควรคาดหวังกฎที่ตั้งขึ้นใหม่สำหรับเทรดเดอร์รายย่อยนั้นว่าอาจจะสร้างความเปลี่ยนแปลงได้อย่างมาก อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์เชื่อว่าพวกเขาสามารถคาดการณ์ข้อจำกัดที่เข้มงวดยิ่งขึ้นได้ในอนาคตอันใกล้นี้
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่ากฎระเบียบอาจเข้มงวดมากขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ สาเหตุหลักอาจมาจากการหลอกลวงที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น แม้ว่าเทรดเดอร์ส่วนใหญ่จะรู้สึกปลอดภัย แต่ในบางประเทศยังคงขาดกฎหมายที่เข้มงวดและครอบคลุม
ตามการคาดการณ์ ตลาด FX ต้องการกฎเกณฑ์เพิ่มเติมในแง่ของ:
สิ่งเหล่านั้นอาจเป็นแนวโน้มหลักของการกำหนดกฎระเบียบการซื้อขายแบบใหม่
Forex เป็นหนึ่งในตลาดที่มีความผันผวนมากที่สุด ในทางกลับกัน ก็เป็นหนึ่งในภาคส่วนที่เข้าถึงได้มากที่สุดเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้น ยังมอบโอกาสในการสร้างรายได้ที่ดีสำหรับเทรดเดอร์รายย่อยอีกด้วย ความท้าทายหลักคือการค้นหาโบรกเกอร์ที่ปลอดภัยและโปร่งใสซึ่งจะมอบชุดเครื่องมือทางเทคโนโลยีที่จำเป็นกับการเทรดพร้อมกับเงื่อนไขการซื้อขายที่ดี
ตลาดจะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาเนื่องจากการพัฒนาทางเทคโนโลยี ดังนั้น กฎระเบียบปัจจุบันบางประการก็ควรได้รับการปรับปรุงเช่นกัน ก่อนอื่น ลูกค้าต้องแน่ใจ 100% ว่าเงินทุนของพวกเขาจะปลอดภัย ประการที่สอง กฎระเบียบใหม่จะต้องได้รับการส่งต่อเพื่อรักษาสภาพคล่องของสกุลเงินภายใต้การควบคุม สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด กฎระเบียบใหม่ควรป้องกันไม่ให้เกิดการหลอกลวงและสามารถจัดการบริษัทปลอมออกจากตลาดได้อีกด้วย
ทุกๆวัน เทรดเดอร์รายย่อยอาจต้องเผชิญกับความเสี่ยงที่เห็นได้ชัดอย่างการสูญโอกาสเนื่องจากเลเวอเรจที่ถูกจำกัด ในทางกลับกัน การซื้อขายกับโบรกเกอร์ที่ไม่ได้รับการควบคุมอาจมาพร้อมกับความเสี่ยงที่ใหญ่กว่าที่มาจากความไม่สมดุลของข้อมูลและความผันผวนของสกุลเงินที่เพิ่มสูงขึ้น
เนื่องจากมีการฉ้อโกงในภาคการซื้อขาย FX เพิ่มมากขึ้น ทางฝั่งของผู้ร่วมตลาดไม่ต้องทำอะไรนอกเหนือไปจากการยอมรับกฎระเบียบใหม่ ตลาด Forex ยุคใหม่เป็นเรื่องเกี่ยวกับความร่วมมือที่โปร่งใสและการบริหารจัดการเป็นอย่างดีระหว่างโบรกเกอร์และเทรดเดอร์ กฎเกณฑ์ใหม่ที่เกี่ยวข้องกับการซื้อและการขายสินทรัพย์ การเข้าสู่ตลาด การดำเนินงาน และธุรกรรมการบริการ จะต้องกำหนดกรอบการกำกับดูแลแบบใหม่เพื่อให้ครอบคลุมความรับผิดชอบ