บรรยากาศการซื้อขายในตลาดยังคงซบเซาในวันสุดท้ายของไตรมาส ขณะที่นักลงทุนเริ่มต้นสัปดาห์ NFP ท่ามกลางแรงกดดันจากแผนการดำเนินภาษีการค้าของประธานาธิบดีทรัมป์ และถ้อยแถลงที่รุนแรงต่อรัสเซียและอิหร่าน อีกทั้ง ความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่อาจเกิดขึ้นจากมาตรการภาษีใหม่ ประกอบกับอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น และแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ยังคงส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของตลาด ถึงแม้ว่าจะมีความกังวลเหล่านี้ แต่ดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ (DXY) ยังคงร่วงลงต่อเนื่องเป็นวันที่สาม โดยไม่ตอบสนองต่อข้อมูลอัตราเงินเฟ้อที่แข็งแกร่งและท่าทีที่เข้มงวดของ Fed
ทรัมป์ออกมาข่มขู่การตอบโต้ด้วยมาตรการภาษีและแสดงท่าทีแข็งกร้าวต่อรัสเซีย เวเนซุเอลา และอิหร่าน ซึ่งทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ แต่สถานการณ์นี้กลับไม่สามารถช่วยหนุนค่าเงินดอลลาร์ได้ แม้ว่าดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลพื้นฐาน (Core PCE Price Index) ของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตัวชี้วัดเงินเฟ้อที่สำคัญจะสนับสนุนแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดของ Fed อย่างไรก็ดี ความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจยังคงกดดันดอลลาร์สหรัฐฯให้อ่อนค่าลง ในขณะเดียวกัน สัญญาณบวกจากจีน สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย และข้อมูลเศรษฐกิจของญี่ปุ่นที่ผสมผสานกันในหลากหลายทิศทางกลับไม่สามารถเปลี่ยนแปลงภาวะหลีกเลี่ยงความเสี่ยง ของตลาดได้ เนื่องจากตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯที่ปรับลดลง
ดัชนี DXY ยุติแนวโน้มขาลงสามวัน สวนทางกับราคาทองคำที่พุ่งสูงขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่เหนือระดับ $3,100 คู่เงิน USDJPY ปรับลดลงมากที่สุดในกลุ่มสกุลเงิน G10 ขณะที่ เงินยูโรและเงินปอนด์เริ่มต้นสัปดาห์อย่างแข็งแกร่ง ทางฝั่งสกุลเงินกลุ่ม Antipodeans ยังคงทรงตัว ด้านราคาน้ำมันดิบยุติการปรับตัวลงสองวันติดต่อกัน โดยตลาดคริปโทเคอร์เรนซีและตลาดหุ้นปรับตัวลดลงต่อเนื่อง
คู่เงิน EURUSD ขยายแนวโน้มขาขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่สาม โดยได้รับแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของยุโรปและความพยายามของสหภาพยุโรปในการลดความขัดแย้งทางการค้ากับสหรัฐฯ นอกจากนี้ ความเชื่อมั่นที่ดีขึ้นเกี่ยวกับเศรษฐกิจเยอรมนี และการอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐฯ ยังช่วยหนุนค่าเงินยูโรอีกด้วย อย่างไรก็ตาม ความกังวลเกี่ยวกับท่าทีการผ่อนคลายนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) และความเสี่ยงจากสงครามการค้าที่นำโดยสหรัฐฯที่อาจนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก ยังคงเป็นปัจจัยที่จำกัดการปรับตัวขึ้นของคู่เงิน EURUSD
ในขณะเดียวกัน คู่เงิน GBPUSD ฟื้นตัวจากการปรับตัวลงเมื่อวานนี้ เป็นผลมาจากการอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐฯ ข้อมูลความเชื่อมั่นทางธุรกิจและยอดค้าปลีกของสหราชอาณาจักรที่มีทิศทางเป็นบวก โดยดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจของสหราชอาณาจักร ตามรายงานของ Lloyds Bank ยังคงแข็งแกร่งในเดือนมีนาคมใกล้ระดับสูงสุดในรอบหกเดือน ขณะที่ ยอดค้าปลีกในเดือนกุมภาพันธ์ขยายตัวเกินความคาดหมาย
ฝั่งขาลงของคู่เงิน USDJPY ยังคงครองตลาด เนื่องจากการอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐฯและความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยที่เพิ่มขึ้น ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางการค้าและการเมืองทั่วโลก ซึ่งรวมไปถึงความกังวลเกี่ยวกับนโยบายการเงินที่เข้มงวดของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯที่ลดลง แม้จะมีการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่หลากหลายจากญี่ปุ่น แต่เงินเยนยังคงเป็นสกุลเงินที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่ม G10 เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ โดยรายงานล่าสุดพบว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่อัตราการเติบโตของยอดค้าปลีกชะลอตัวลง แต่รายงานการเริ่มต้นก่อสร้างที่อยู่อาศัยยังคงเพิ่มขึ้น ในขณะเดียวกัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของญี่ปุ่น ชุนอิจิ คาโต้ (Shunichi Kato) ได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับความผันผวนของค่าเงิน โดยเฉพาะปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับนโยบายการค้าของสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่อีกรายได้ออกมาปฏิเสธแนวคิดที่ว่าการผลิตของญี่ปุ่นจะเพิ่มขึ้นจากประเด็นภาษีการค้า
ทั้งคู่เงิน AUDUSD และคู่เงิน NZDUSD ยังคงปรับตัวลดลง เนื่องจากบรรยากาศการซื้อขายในตลาดโดยรวมที่มีแนวโน้มเป็นลบ ส่งผลให้ปัจจัยบวกจากจีนและการอ่อนค่าลงของดอลลาร์สหรัฐฯ ไม่สามารถหนุนคู่เงินทั้งสองได้ สำหรับคู่เงิน AUDUSD ไม่ตอบสนองต่อข้อมูลอัตราเงินเฟ้อที่แข็งแกร่ง เนื่องจากตลาดยังคงมองว่า ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) จะยังคงนโยบายการเงินไว้ตามเดิมในการประชุมสัปดาห์นี้ ขณะที่ คู่เงิน NZDUSD ตอบสนองเชิงลบต่อดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ ANZ ที่อ่อนแอ ส่งผลให้แรงเทขายยังคงควบคุมทิศทางของตลาด
คู่เงิน USDCAD ปรับตัวลงเป็นครั้งแรกในรอบสามวัน โดยได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่แข็งแกร่งขึ้น ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกหลักของแคนาดา ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและแคนาดาเริ่มผ่อนคลายลง หลังจากการพูดคุยผ่านทางโทรศัพท์ระหว่างประธานาธิบดีทรัมป์ (Donald Trump) และนายกรัฐมนตรีแคนาดาคนใหม่ มาร์ค คาร์นีย์ (Mark Carney) เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
ราคาทองคำยังคงพุ่งสูงขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ราวๆ $3,116 ในวันจันทร์นี้ โดยได้รับแรงหนุนจากความไม่แน่นอนในตลาด การอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐฯ และความคาดหวังว่าความต้องการทองคำจากจีน อินเดีย และธนาคารกลางทั่วโลกจะเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับสงครามการค้าที่ขับเคลื่อนโดยสหรัฐฯ ความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย และความท้าทายของธนาคารกลางในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ยิ่งช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้กับทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
ในขณะเดียวกัน ราคาน้ำมันดิบยังไม่มีทิศทางที่ชัดเจนหลังจากแนวโน้มขาขึ้นที่ดำเนินต่อเนื่องมาสามสัปดาห์ โดยความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯกับอิหร่าน และระหว่างสหรัฐฯกับเวเนซุเอลา อาจส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมัน อย่างไรก็ตาม นโยบายการผลิตของ OPEC+ และแนวทาง "drill, baby, drill" ของประธานาธิบดีทรัมป์ ยังคงทำให้แรงเทขายในตลาดพลังงานมีแนวโน้มเชิงบวก
มาตรการภาษีของทรัมป์ ความกังวลเกี่ยวกับอุปทานที่เพิ่มขึ้น และกระแสเงินทุนที่ไหลออกจากกองทุน ETF มากขึ้น ล้วนเป็นปัจจัยที่สร้างแรงกดดันต่อ Bitcoin (BTCUSD) และ Ethereum (ETHUSD) โดยเฉพาะเมื่อความเชื่อมั่นเชิงบวกต่อการยอมรับคริปโตในสหรัฐฯและญี่ปุ่นที่ลดลงยิ่งเพิ่มแรงกดดันให้แก่ตลาด ซึ่งผลกระทบดังกล่าวทำให้ BTCUSD ร่วงลงต่อเนื่องเป็นวันที่สี่ ขณะที่ ETHUSD แตะระดับต่ำสุดในรอบสามสัปดาห์ หลังจากร่วงลงติดต่อกันหกวัน
หลังจากการเริ่มต้นสัปดาห์ที่ผันผวน โดยมีรายงานการจ้างงานของสหรัฐฯรออยู่ข้างหน้า นักเทรดอาจเผชิญกับสภาพคล่องที่ลดลง เนื่องจากปฏิทินเศรษฐกิจที่เบาบางและช่วงวันหยุดในหลายประเทศเนื่องในวันอีฎิลฟิตริ (Eid) นอกจากนี้ยังมีข้อมูลสำคัญที่ต้องจับตามอง ได้แก่ ยอดค้าปลีกและอัตราเงินเฟ้อของเยอรมนี ตามด้วยดัชนี PMI จากธนาคารกลางสหรัฐฯประจำชิคาโกและดัลลัสของสหรัฐฯ ขณะที่ รายงานรายไตรมาสของ BoE ก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ พาดหัวข่าวเกี่ยวกับมาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ เกี่ยวกับอิหร่าน รัสเซีย ยูเครน เวเนซุเอลา และจีน อาจส่งผลกระทบต่อตลาดอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตาม การปรับพอร์ตช่วงสิ้นไตรมาสอาจจำกัดแนวโน้มความเคลื่อนไหวล่าสุดของตลาด ซึ่งส่งผลให้ตลาดเปิดสัปดาห์อย่างผันผวน ภาวะเช่นนี้อาจเปิดโอกาสให้ดอลลาร์สหรัฐฯฟื้นตัวจากการอ่อนค่าก่อนหน้านี้ และทดสอบแรงเทซื้อของทองคำใกล้แนวต้านที่ประมาณ $3,123 โดยคู่เงิน EURUSD และคู่เงิน GBPUSD อาจเผชิญแรงกดดันเพิ่มเติม ขณะที่ สกุลเงินกลุ่ม Antipodeans มีแนวโน้มปรับลดลงต่อเนื่อง ถึงกระนั้น คู่เงิน USDJPY อาจต้านทานแนวโน้มนี้ และช่วยให้ฝั่งขาลงยังคงครองตลาด
ขอให้คุณโชคดีในการเทรด!